วันนี้จะมาเล่าถึงคำที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี่แหละค่ะ เป็นคำศัพท์ง่ายๆ ที่น้องๆ รู้กันอยู่แล้วแน่เลย นั่นคือคำว่า Month ที่แปลว่าเดือนนั่นเองจ้า
บอกแล้วจะแปลกใจ (surprised, astonished, stunned) รู้มั้ยคะว่ารากศัพท์ของคำนี้มาจากคำว่าอะไรเอ่ย? มาจากคำว่า พระจันทร์ (Moon) ค่ะ!
ถ้าน้องๆ ลองไปดูปฏิทิน (calendar) ที่มีรายละเอียด (detail) เยอะหน่อย จะเห็นได้ว่าปฏิทินบางอันจะเขียนข้างขึ้น (period of the waxing moon) และข้างแรม (period of the waning moon) ไว้ด้วยใช่มั้ยจ๊ะ นี่ล่ะจ้า ที่มาของการกำหนดเดือนของมนุษย์เรา
ในสมัยแรกเริ่มมนุษย์เราก็ยึดรอบของดวงจันทร์ (lunar phase) นี่แหละจ้ะเป็นการกำหนดเดือนนะ เวลาที่ดวงจันทร์ใช้หมุนรอบโลกโดยเฉลี่ย (in average) ก็คือ 29.53 วันจ้ะ แต่เมื่อหลังจากมีการคิดใช้ปฏิทินขึ้นมาแล้ว เราจึงยึดวันตามวันที่กำหนดไว้อย่างเป็นระบบ (scientifically, systematically) แต่การใช้วันข้างขึ้นข้างแรมก็ยังมีปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในวันสำคัญทางศาสนา (religion day, holy day) อย่างเช่นว่า เราก็ยังเรียกว่าวันวิสาขบูชาเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 กันอยู่ใช่มั้ยจ้ะ น้องๆ ^^
เราวกกลับมาพูดถึงรอบการหมุนของดวงจันทร์กันอีกหน่อยนะจ้ะ เวลาที่ดวงจันทร์โคจร (orbit) รอบโลก เราๆ ที่อยู่บนพื้นโลกก็จะเห็นเงาของดวงจันทร์ที่สะท้อน (reflect) กับแสงจากดวงอาทิตย์ ทำให้เราเห็นว่าดวงจันทร์ส่องแสง (illuminate, shine, lighten) ได้ในเวลากลางคืนนั่นแหละจ้า ซึ่งเมื่อดวงจันทร์หมุนไปก็จะทำมุม (angle) กับดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน เราเลยเห็นพระจันทร์เป็นเสี้ยวบ้าง เต็มดวงบ้าง ตามรอบการหมุนในแต่ละครั้งยังไงล่ะจ้ะ นับแบบไทยๆ ขึ้น 15 ค่ำก็คือพระจันทร์เต็มดวง (full moon) ส่วนแรม 15 ค่ำ ก็คือเป็นคืนเดือนมืด พระจันทร์ไม่ส่องแสง (new moon) นั่นเองจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น