วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Australia or Austria?

อยู่ตั้งไกล ทำไมชื่อคล้ายกัน?

เพิ่งผ่านฤดูกาล (season) ท่องเที่ยววันหยุดยาวช่วงวันแม่ (Mother’s day) กันมาหมาดๆ (recently) หลายๆ คนคงได้มีโอกาสไปเที่ยวกันใช่มั้ยเอ่ย ไม่ว่าจะทั้งในประเทศ (inbound) และนอกประเทศ (outbound) ประเทศหนึ่งที่คนไทยหลายๆ คนนิยมไปหลบร้อนกันไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่นั่นคือ ออสเตรเลีย (Australia) นั่นเองจ้า


ก่อนอื่นเรามารู้จักประเทศนี้โดยสังเขป (in brief, in short) กันก่อนนะจ๊ะ ประเทศออสเตรเลีย อยู่ทางซีกโลกใต้ (southern hemisphere) นะจ๊ะ ถ้าจากประเทศไทยไปต้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จ้ะ เอกลักษณ์ที่จำง่ายๆ คือ มีจิงโจ้ (kangaroo) และหมีโคอาล่า (koala) ค่ะ เป็นสัตว์ที่มีอยู่เฉพาะในออสเตรเลียเท่านั้น

ส่วนอีกประเทศนึงที่เสียค่าเครื่องบิน (air fare) แพงกว่า ไปไกลกว่า นั่นคือประเทศออสเตรีย (Austria) อ้ะๆ ระวังสะกดผิด (misspell) กันนะจ๊ะ สองประเทศนี้เค้าอยู่กันคนละมุมโลกเลยนะ


 ประเทศออสเตรียตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือ (northern hemisphere) อยู่ในทวีปยุโรปค่ะ มีพรมแดน (boundary) ติดกับประเทศอิตาลี เยอรมนี ฮังการี และอื่นๆ เป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก แต่เป็นศูนย์รวมอำนาจของยุโรปในยุคโบราณ และเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรม (art & culture)ด้วยนะคะ นักดนตรีคลาสสิคหลายท่านอย่างบีโธเฟ่น หรือโมสาร์ทก็ศึกษาดนตรีจากประเทศนี้กันนั่นเองจ้า


 เอาล่ะ มาเข้าสู่ประเด็นหลักของเรากันดีกว่า จะเห็นได้ว่าสองประเทศนี้เขาต่างคนต่างที่มาเลยนะคะ เอ... แล้วไหงชื่อถึงมาคล้ายๆ กันทำให้เราสับสนกันได้ละเนี่ย คำตอบก็ไม่พ้นเรื่องรากภาษา (language root) นั่นเองค่ะ ในภาษาดั้งเดิมแล้วประเทศออสเตรีย มีชื่อว่า Österreich ซึ่งเป็นภาษาเยอรมันแปลว่า ดินแดนที่อยู่ทางตะวันออก ค่ะ แต่แล้วเมื่อมีอิทธิพล (influence, authority, power) ของภาษาละตินเข้ามา ผู้คนจึงเรียกชื่อประเทศนี้ตามภาษาละตินแทนค่ะ คำว่าตะวันออกในภาษาเยอรมัน จาก ost จึงแผลง (assimilate, derive) กลายเป็นคำว่า austro และเรียกชื่อประเทศนี้ว่า Austria นั่นเองค่ะ

ส่วนในกรณี (case) ของออสเตรเลีย ผู้ที่ค้นพบประเทศนี้คือชาวอังกฤษซึ่งขณะนั้นมีความนิยมใช้รากศัพท์ละตินค่ะ แล้วบังเอิ๊ญ (accidentally, unintentionally) คำว่าใต้ในภาษาละตินก็คือ auster นี่สิคะ เลยไปพ้องกับคำว่าตะวันออกเสียอย่างนั้น ชื่อประเทศนี้ภายหลังจึงแผลงเป็นออสเตรเลียอย่างที่เราเรียกกันทุกวันนี้ค่ะ

blackground : http://www.enconcept.com

BB ถูกแบน!! การคุกคามระดับชาติ

BB หรือเจ้าเครื่อง Black Berry อันเป็นเครื่องมือสื่อสาร (communication tool) ที่แสนจะทันสมัยใช่มั้ยเอ่ย แต่น้องๆ รู้กันมั้ยคะว่าหากเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ บางประเทศจะไม่อนุญาตให้เรานำเจ้า BB เข้าไปเด็ดขาดเลยนะจ๊ะ ดีไม่ดีอาจจะถูกยึด (seize property) ก็ได้ เพราะอะไรกันนะ? เรามาอ่านข่าวอัพเดทกันเลยค่า


 ตามรายงานข่าวของเอเอฟพี (AFP news agent) ว่า กระทรวงมหาดไทย (Ministry of Interior) อินเดียประชุมกับหน่วยข่าวกรอง (secret service) หารือเรื่องระงับ (restrain, suppress, hold back) บริการของ Black Berry เพราะวิตกที่ตรวจสอบการสื่อสารของผู้ใช้งานไม่ได้ เนื่องจากข้อมูลที่ผ่านเครื่อง BB ถูกเข้ารหัส (encode) และส่งไปยังเครือข่าย (network) นอกประเทศก่อนกลับเข้าเครื่อง BB อีกเครื่อง อินเดียเป็นประเทศล่าสุด (the latest) ที่มีปัญหากับ Black Berry หลังจากซาอุดิอาระเบีย (Saudi Arabia) และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates) สั่งห้าม (forbid, prohibit, disallow, ban) ใช้งานบางฟังก์ชันของ BB ทั้งอินเตอร์เน็ต อีเมล์และการส่งข้อความด้วยเหตุผลด้านคุกคาม (threaten) ความมั่นคง (national security) เช่นกัน

 เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้เลยนะคะน้อง BB เป็นเทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้ (user) ได้จริง แต่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีก็มาพร้อมกับอันตราย (danger, harm) ค่ะ เพราะฉะนั้นน้องๆ ต้องรู้จักไตร่ตรอง (consider) และรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลของตัวเองไว้ให้ดีนะคะ ประเทศไทยยังไม่เข้มงวด (strict, serious) ในประเด็นนี้มากเท่าประเทศที่สั่งห้ามการใช้ BB แต่อย่างไรก็ตามเราต้องไม่ให้เทคโนโลยีมาครอบงำเรานะจ๊ะ เราต้องเป็นผู้ใช้มันเมื่อจำเป็น แต่ไม่ใช่เป็นเสพติด (addict to) สิ่งสำคัญคือการที่เราต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่ให้ใครมาแทรกแซง (interfere) ได้จ้า

ิblackground : http://www.enconcept.com

รองเท้าหลากหลายแบบ !!

 คำกลางๆ ที่เราใช้เรียกรองเท้า น้องรู้จักกันดีนะคะ นั่นคือคำว่า shoes นั่นเองค่า

คำต่อมาภูมิใจนำเสนอคำว่า sandals ค่ะ น้องๆ อาจจะคุ้นว่ามันแปลว่ารองเท้าแตะเต๊าะแต๊ะ แต่จริงๆ แล้วมันรวมถึงรองเท้าแบบที่เปิดพื้นที่บนเท้ามาก และมีสายรัดนิดหน่อย ตามตัวอย่างในรูปภาพนะคะ จะมีส้น (heel) หรือไม่มีส้นไม่เกี่ยวกัน รองเท้าแตะทั่วๆ ไป เราก็ใช้คำนี้เหมือนกันค่ะ



ต่อมาคือคำว่า slippers ค่ะ หลายคนสับสนว่ามันแปลว่ารองเท้าแตะเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันมากๆ เลยนะคะ เจ้า slipper นี่เราจะใส่ในบ้าน (indoor) เท่านั้นค่ะ ไม่ใส่ออกไปเดินนอกบ้าน (outdoor) นะคะ โดยมากแล้วในเมืองไทยเราก็ไม่ใส่กัน เพราะอากาศบ้านเรามันร้อนจ้ะ แต่ฝรั่งเค้าจะใส่เดินในบ้านกันเพื่อให้เท้าอุ่นนั่นเองค่ะ

ต่อมาคือคำว่า sneakers นะคะ นั่นแน่ จำกันได้มั้ยเอ่ย คำนี้หมายถึง ค่ะ มีจุดประสงค์ (purpose) ในการใส่คือเน้นใส่เพื่อเล่นกีฬานะคะ ซึ่งรองเท้ากีฬาก็มีแยกย่อยเป็นชนิดต่างๆ มากมาย เช่น รองเท้าเทนนิส (tennis shoes) รองเท้าเตะบอล (football shoes) รองเท้าสำหรับวิ่ง (running shoes) ก็จะมีการออกแบบ (design) พื้นรองเท้า (sole) เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันด้วยค่ะ
ต่อมาเป็นรองเท้าแฟชั่นสุดเก๋ที่บ้านเราเลียนแบบเกาหลีเอามาใส่กัน นั่นคือ boots นั่นเองค่า รองเท้าลักษณะนี้จะมีความยาวคลุมไปถึงข้อเท้า (ankle) หรืออาจจะถึงหน้าแข้ง (shin) เลยนะคะ ที่ต่างประเทศนิยมใส่กันเพราะสามารถป้องกัน (prevent) ความหนาวได้ดีค่ะ แต่เอามาใส่บ้านเรานี่ อยากจะสวยจะเท่ ต้องทน (patient) ร้อนกันหน่อยนะคะ อิอิ


ิblackground : http://www.enconcept.com


วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คำศัพท์น่ารู้

WHIM (N,) = a sudden wish or idea, especially one that cannot be reasonably explained.
แปลว่า ความคิดเพ้อฝัน หรือความคิดที่ผุดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล
 เช่น I don't know why I want to go to Paris. I suppose it is just a whim
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากไปปารีส คิดว่าคงเป็นแค่ความคิดเพ้อฝัน


ที่มา : http://www.enconcept.com

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

English is alive!!!!!!!

ในblog นี้จะเป็นการรวบรวมสิ่งต่างๆเกี่ยวกับภาอังกฤษน่ารู้
และเกี่ยวกับคำศัพท์ที่น่าสนใจ